ถ้าพูดถึงเทรนด์แฟชั่นที่สาวไทยเราอินกันมานาน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าต้องเป็นแฟชั่นสไตล์ญี่ปุ่นและเกาหลีอย่างแน่นอน เพราะเป็นเทรนด์ที่ดูดี จับต้องได้ และยังแมทช์กันสุดๆกับลุคสาวเอเชียด้วยกัน นอกจากแฟชั่นเสื้อผ้าที่ทรงอิทธิพลกับบ้านเราแล้ว ทรงผมก็ถือว่าเป็นพาร์ทใหญ่ ที่สาวไทยชอบทำตามไม่แพ้กันเลย
แต่รู้มั้ยคะ? ว่าจริงๆ แล้วว่าแฟชั่นทรงผมของสองประเทศนี้ เค้ามีเอกลักษณ์บางอย่างที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน มิลบอนขอยกมาเปรียบเทียบให้เห็นกันชัดๆ ว่าสไตล์ทรงผมของสาวญี่ปุ่นและเกาหลีต่างกันอย่างไร จะได้รู้กันไปเลยว่า จริงๆ แล้วคุณเป็นสาวแจลหรือสาวเกากันแน่ ตามไปดูกันเลยค่า
1. ผมหน้าม้า
สาวญี่ปุ่น :
ถ้าพูดถึงทรงผม Signature ของสาวญี่ปุ่นจะเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจาก ผมหน้าม้า เรียกได้ว่าถ้าสาวญี่ปุ่นเดินผ่านมาสัก 10 คน 8 คนในนั้นต้องตัดหน้าม้าอย่างแน่นอน ด้วยความที่ฮิตกันมาตั้งแต่เด็กและเป็นทรงผมที่มักอยู่ใน ANIMATION ชื่อดังมากมาย รวมถึงสาวๆไอดอลก็นิยมตัดกันอย่างแพร่หลาย คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จึงเชื่อว่าการตัดหน้าม้าหรือที่เรียกว่า
“ มาเอะกามิ ” (前髪) เป็นการทำให้คุณดูเด็กลงและยังเซ็กซี่นิดๆอีกด้วย จึงไม่แปลกเลยที่เราจะเห็นร้านเครื่องสำอางหรือร้านขายอุปกรณ์ทำผมที่ญี่ปุ่น มักจะมีอุปกรณ์เกี่ยวกับการเซ็ตหน้าม้าขายอยู่เต็มไปหมด โดยหน้าม้าที่สาวญี่ปุ่นนิยมตัดกันจะค่อนข้างหนาและชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นหน้าม้าตรง หรือปัดข้างก็ตาม
สาวเกาหลี :
ส่วนสาวเกาหลีก็นิยมมีหน้าม้าเหมือนกันนะ แต่จะแตกต่างอยู่หน่อยตรงที่สาวเกาหลีจะชอบสไลด์หน้าม้าบางๆ หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “หน้าม้าซีทรู” ดังจะเห็นได้จาก Series เกาหลี ที่ทั้งนางเอก นางร้าย นางรอง มักจะทำทรงหน้าม้าซีทรูอยู่เสมอ เพราะเหตุนี้เองจึงจุดประกายให้ทั้งสาวเกาหลีและทั่วเอเชียไปตัดตามกันยกใหญ่ จนกลายเป็นทรงผมหน้าม้าประจำชาติไปแล้ว
2. สไตล์ของผมดัดลอน
สาวญี่ปุ่น :
การดัดผมในญี่ปุ่นเป็นสิ่งที่ทำกันมายาวนานมาก ไม่เพียงเฉพาะกับผู้หญิงเท่านั้น แต่เราจะเห็นว่าหนุ่มญี่ปุ่นก็นิยมดัดผมเช่นกัน นั่นเป็นเพราะว่าจริงๆ แล้วคนญี่ปุ่นมีโครงสร้างของศีรษะด้านหลังที่แบน ไม่ทุยเหมือนชาติอื่นเค้า ชาวญี่ปุ่นจึงเป็นชนชาติแรกๆ ที่ถือกำเนิดเทรนด์ดัดผม และขึ้นชื่อว่ามีผลิตภัณฑ์ดัดผมที่มีคุณภาพสูงสุดแห่งหนึ่งของโลก สำหรับลอนที่นิยมในหมู่ผู้หญิงญี่ปุ่น คือ ลอนคลายแบบฟุ้งๆ เพราะช่วยให้หัวดูทุย ทรงผมดูมีวอลลุ่มมากขึ้น และได้ลุคน่ารักละมุนๆ เป็นธรรมชาตินั่นเอง
สาวเกาหลี :
เทรนด์ดัดลอนที่เกาหลีก็มาแรงไม่แพ้กัน แต่จะแตกต่างจากผมลอนของสาวญี่ปุ่นตรงที่ ลอนผมของสาวเกาหลีจะมีความเป็นลอนชัดแบบเห็นรอยคลื่นชัดเจน เพราะในช่วง 2-3 ปีมานี้ ลุคสาวมั่น ชิคๆ เก๋ๆ กำลังฮิตหนักที่เกาหลี จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นลอนผมสไตล์นี้จากสาวเกาหลีตามแหล่งท่องเที่ยว หรือใน Magazine อยู่บ่อยๆ
3. การเซ็ตผม
สาวญี่ปุ่น :
ด้วยเนเจอร์ของสาวญี่ปุ่นที่มีความน่ารักคาวาอี้ เน้นสวยแบบธรรมชาติ การเซ็ตผมของสาวๆเหล่านี้ จึงนิยมจับเป็นช่อเล็กๆ และเซ็ตให้ดูยุ่งๆ เซอร์ๆ สไตล์ Messy ราวกับว่า I woke up like this ! ฉันตื่นมาก็สวยแบบนี้เลยย่ะ หลายครั้งที่เราจะเห็นได้ว่าสาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักจะเซ็ตผมมาในสไตล์ฟุ้งๆ ยุ่งๆ คล้ายๆ กันโดยไม่ได้นัดหมาย นั่นก็เพราะพวกเธอชอบความที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องเป๊ะหรือเพอร์เฟคมากนั่นเอง
สาวเกาหลี :
สาวเกาหลีแต่ละคนจะมีเอกลักษณ์ของความเป็นแฟชั่นที่ชัดเจน ตรงไปตรงมา ถ้าเธอคนนั้นเป็นสาวเท่ เธอก็จะโชว์ Passion ความเป็นสาวเท่ออกมาให้สุด หรือถ้าเธอตั้งใจอยากได้ลุคสาวหวาน เสื้อผ้าหน้าผมของเธอก็จะหวานละมุนฟรุ้งฟริ้งอย่างเห็นได้ชัด การเซ็ตทรงผมของสาวเกา จึงมักจะโชว์ความเป็นตัวตนอย่างชัดเจน เช่น ถ้าอยากได้ผมลอนก็จับลอนให้เห็นชัดๆ หรือถ้าอยากมีหน้าม้า ก็เซ็ตเน้นหน้าม้าเด่นๆ ถือว่าเป็นแฟชั่นที่มีความยูนีคในตัวเองพอสมควร
Finished Look
สาวญี่ปุ่น :
ถ้าไม่นับสาวญี่ปุ่นที่มีแนวแฟชั่นเฉพาะทาง โดยรวมๆ แล้วพอจะสรุปได้ว่า พวกเธอจะมีลุคน่ารัก สดใส เป็นธรรมชาติที่คาวาอี้ดูไม่ปรุงแต่ง (แม้จริงๆ แล้วพวกเธอจะตื่นตั้งแต่ตีห้ามาเซ็ตผมก็ตาม) ทรงผมของพวกเธอเลยเป็นสไตล์ที่น้อยแต่มาก เน้นความอ่อนวัย น่ารักแบ๊วๆ
สาวเกาหลี :
ส่วนสาวเกาหลีจะมีความชัดเจนในตัวเองและมีบุคลิกภาพที่มั่นใจ ลุคของพวกเธอก็เลยออกมาเป็นสไตล์สวยหรูดู Glam ที่ดูโตมากกว่าสาวญี่ปุ่น
ไม่ว่าทรงผมของสาวทั้ง 2 ชาติจะแตกต่างกันแค่ไหน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันเลยก็คือ #ทรงผมดัดลอน ที่มาแรงสุดฉุดไม่อยู่จริงๆ สาวไทยคนไหนเห็นแล้วอยากทำตามบ้าง ให้มองหาร้านซาลอนที่ใช้น้ำยาดัดดิจิตอลจาก Liscio Atenje จากแบรนด์มิลบอน คอนเฟิร์มเลยว่าคุณจะได้ลอนผมสลวย นุ่มนวล ตั้งแต่โคนจรดปลายแน่นอน
เห็นว่าเป็นแบรนด์ญี่ปุ่นแบบนี้ แต่บอกเลยว่าลุคสาวเกาหลีเราก็รังสรรค์ออกมาได้สวยเริ่ด ไม่แพ้ลุคสาวญี่ปุ่นเลยนะจ๊ะ ไม่เชื่อลองดูผลงานจาก MILBON Korea กัน บอกเลยว่าลุคไหนๆ Liscio Atenje ก็เอาอยู่!