29/10/2018
อยากมีร้านซาลอนเป็นของตัวเอง ต้องทำยังไง?
29/10/2018
อยากมีร้านซาลอนเป็นของตัวเอง ต้องทำยังไง?

กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับซีรีย์ “เลือดข้นคนจาง” ซึ่งเนื้อเรื่องกำลังเข้มข้นสุดๆ  โดยในเรื่อง “อี้” หลานชายคนโตของอากงที่เปิดร้านซาลอนเป็นของตัวเอง กำลังโดนชาวเน็ตล้อว่าสืบเก่งขนาดนี้ทำไมไม่เปิดธุรกิจนักสืบไปเลยล่ะ!     

วันนี้มิลบอนไม่ได้มาช่วยสืบคดี แต่เรามามอบเคล็ดลับดีๆ สำหรับคนที่อยากมีร้านซาลอนเป็นของตัวเองแบบอี้ เพราะอาชีพแฮร์ดีไซเนอร์เป็นอาชีพอิสระที่เหมาะกับคนที่รักในเส้นผมและต้องการเป็นเจ้านายตัวเอง หลายซาลอนที่ฝีมือดีและบริหารธุรกิจเก่งๆ ก็มีรายได้ต่อเดือนกันเป็นแสนเป็นล้านเลยทีเดียว นับว่าเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ถ้าเดินถูกทางก็สามารถสร้างรายได้อย่างมหาศาล

เพราะไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัย ธุรกิจเสริมสวยก็ยังอยู่คู่กับผู้หญิงอยู่เสมอ แม้ในช่วงเศรษฐกิจไม่ดีแต่ผู้หญิงก็ยังคงเข้าร้านซาลอนอยู่ อาจจะยอดตกลงไปบ้าง แต่ก็ยังอยู่ได้ และทุกวันนี้ผู้ชายก็เริ่มหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น แถมเข้าซาลอนบ่อยกว่าผู้หญิงอย่างเราๆอีก จึงปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าซาลอนเป็นธุรกิจที่ฆ่าไม่ตาย แต่จะทำอย่างไรให้ร้านซาลอนของเราเจริญเติบโตและอยู่ได้ในยุคที่มีการแข่งขันกันสูงแบบนี้ มาดูเคล็ดลับกันเลยดีกว่าค่ะ
 

1. มีใจรัก

เรียกได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะธุรกิจร้านเสริมสวยถือเป็นงานบริการอย่างหนึ่ง ความพึงพอใจของลูกค้าจึงเป็นสิ่งที่ชี้ชะตาธุรกิจของเราว่าจะรุ่งหรือร่วง สิ่งที่ควรระลึกถึงอยู่เสมอคือ การมี Service Mind ที่ดี ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจหลักของงานบริการ  ถ้าเรามีใจรักในงานนี้ ต่อให้มีปัญหาหนักหนาแค่ไหน เราก็สามารถทำมันได้ดีและผ่านไปได้แน่นอนค่ะ

2. ต้องมีความรู้พื้นฐานด้านเส้นผม

ถ้ายังเป็นมือใหม่และไม่มีประสบการณ์เรื่องเส้นผมเลย ขอแนะนำให้เข้าคอร์สเรียนเสริมสวยก่อนนะคะ ซึ่งในปัจจุบันมีให้เลือกมากมายหลายสถาบัน ทั้งหลักสูตรระยะสั้นและระยะยาวที่ให้เราได้ฝึกจนชำนาญ รวมถึงคลาสต่างๆที่แบรนด์เส้นผมเปิดสอนให้ความรู้ เพราะถ้าเรามีความรู้เรื่องเส้นผม เราจะเข้าใจปัญหาและให้บริการที่ตอบโจทย์ เมื่อลูกค้าเกิดความพึงพอใจก็จะกลับมาใช้บริการเราเรื่อยๆ จนกลายเป็นลูกค้าประจำและบอกต่อคนรอบข้างในที่สุด
.
แต่ในเคสที่เราเป็นเจ้าของร้านและไม่ได้เป็นช่างทำผมเอง อย่างน้อยเราจะสามารถมองศักยภาพของลูกน้องที่จะมาเป็นช่างได้อย่างเฉียบขาด จึงทำให้เราคัดเลือกลูกน้องที่มีความรู้และมีประสิทธิภาพ และยังเข้าใจถึงปัญหาและความต้องการของลูกจ้างได้ดี  คุณและช่างผมต้องคอยหมั่นหาความรู้ เทคนิคใหม่ๆ รวมไปถึงอัปเดตแฟชั่นอยู่เสมอ

3. เงินทุน

ในการทำธุรกิจเสริมสวยจำเป็นต้องมีเงินทุนเบื้องต้นจำนวนหนึ่ง ซึ่งหลักๆ แล้วจะเป็น ค่าอุปกรณ์ เช่น เตียงสระผม เก้าอี้ตัดผม โต๊ะกระจก  บัตตาเลี่ยน กรรไกร ไดร์ หวี ฯลฯ ยิ่งถ้าเราไม่ได้เปิดร้านในที่ของตนเองก็มีค่าเช่าที่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าจ้างช่างทำผม และการตกแต่งร้านเพิ่มเติม (ขึ้นอยู่กับขนาดและรูปแบบของร้านที่ตั้งใจไว้) รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้ให้กับลูกค้าในร้าน เราจึงควรเตรียมความพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นก้อนแรกและรายเดือน จึงควรคำนวณเป้าหมายของระยะเวลาที่จะถึงจุดคุ้มทุน ว่าคุ้มหรือไม่ การลงทุนครั้งนี้คุณสามารถรอกำไรจนถึงเวลานั้นได้หรือเปล่า?

4. มีความรู้ด้านการบริหารและการตลาด 

ถ้าเรามีความรู้ด้านการบริหารธุรกิจ จะทำให้เรามองคอนเซ็ปต์ของร้านออก ว่าอยากให้ร้านของเราเป็นแบบไหน เช่น ร้านซาลอนแนวสปา ร้านซาลอนแบบครบวงจรที่มีการทำเล็บ ร้านซาลอน Organic หรือร้านซาลอนที่เน้นการทำเคมีเท่านั้น เมื่อเราตั้งคอนเซ็ปต์ให้ร้านได้แล้ว เราจะเข้าใจว่าลูกค้าของเราเป็นใครและคนเหล่านี้อยู่ที่ไหน ทำให้เรามีแนวทางในการเลือกทำเลและทำการตลาดให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างถูกต้อง รวมไปถึงกำหนดราคาค่าบริการให้สัมพันธ์กับเป้าหมายและต้นทุนอีกด้วย

5. ทำเล

จากข้อที่ 4 ทำให้เราพอรู้แล้วว่ากลุ่มลูกค้าเราจะเป็นคนกลุ่มใด และมีไลฟ์สไตล์อยู่แถวไหน จากนั้นให้เลือกทำเลในแหล่งชุมชนและเดินทางสะดวก เช่น ห้างสรรพสินค้า คอมมิวนิตี้มอลล์ ที่สำคัญควรตกแต่งร้านให้มีบรรยากาศดูสบายๆ หรือสร้างจุดดึงดูดให้ลูกค้ารู้สึกว่าอยากเข้ามาใช้บริการ

6. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ

นอกจากฝีมือที่ดีในการตัดผมและทำเคมีแล้ว สิ่งที่ทำให้ลูกค้าประทับใจ ก็คือ ผลลัพธ์ของเส้นผมที่สวยงามและสัมผัสที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความแตกต่าง ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ใช้ถือว่ามีส่วนมากๆ กับความพึงพอใจของลูกค้า เพราะถ้าเราใช้ผลิตภัณฑ์ไม่ดี ราคาถูก ผลลัพธ์จะออกมาไม่สวยถูกใจ ซ้ำร้ายอาจทำให้ลูกค้าเกิดอาการแพ้จากผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน  และที่สำคัญการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพก็ถือว่าเป็นเครดิตอย่างนึงที่บ่งบอกถึงความใส่ใจรายละเอียดของทางร้านอีกด้วย

7. ขายผลิตภัณฑ์เพิ่ม

เวลาที่เราใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะสระผม ใส่ลีฟอินทรีตเมนต์ก่อนเป่าไดร์ การเซ็ตทรงผมด้วยออยล์หรือสไตล์ลิ่ง ถ้าลูกค้าได้สัมผัสแล้วติดใจ ก็เป็นโอกาสดีที่จะให้เราได้เพิ่มโอกาสในการขาย กลายเป็นรายได้พิเศษของทางร้านอีกด้วย

8. รักษาคุณภาพของร้านและความสะอาด

ภายในร้านและอุปกรณ์ที่ใช้จะต้องปลอดภัยและสะอาดอยู่เสมอ เพราะลูกค้าไม่ชอบแน่ๆ ถ้าเห็นเศษผมมากมายกองอยู่บนพื้นตลอดเวลา หรือการใช้ใบมีดโกนซ้ำๆ รวมไปถึงผ้าขนหนูและผ้าคลุมต่าง ๆ ที่ต้องใช้ต่อจากคนอื่น มีรอยเปื้อนสีและเส้นผม จึงต้องให้ความสำคัญตรงนี้มากเป็นพิเศษ

9. การบันทึกข้อมูลของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ

เทคนิคสำคัญของร้านซาลอนในญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จ มักจะมีการเก็บประวัติการเข้ารับบริการของลูกค้าแต่ละคนอยู่เสมอ วิธีนี้จะช่วยให้เรารู้ว่าเส้นผมของลูกค้าได้ผ่านการทำอะไรมาบ้าง เพื่อวางแผนในการให้บริการได้ถูกต้อง เช่น ถ้าลูกค้ามาทำสีผมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และมาดัดผมเพิ่ม เราจะได้ให้ลูกค้าเว้นช่วงพักผม เพื่อที่สีผมเดิมจะได้ไม่หลุดออก และเส้นผมไม่ถูกทำลายจากเคมีมากจนเกินไป ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเราใส่ใจสุขภาพเส้นผมของลูกค้าอีกด้วย
.
นอกจากนี้เรายังสามารถดูพฤติกรรมของลูกค้าได้จากข้อมูลที่เรามีว่าลูกค้านิยมมาใช้บริการไหนมากที่สุดและทำอะไรน้อยที่สุด เพื่อที่จะได้วิเคราะห์จุดอ่อน-จุดแข็งของร้านเราว่าสามารถแก้ไขหรือทำโปรโมชั่นอะไรได้บ้างในอนาคต

.

เป็นยังไงกันบ้างคะ? กับเทคนิคดีๆ ในการเปิดร้านซาลอนให้ประสบความสำเร็จ บอกเลยว่าไม่ยากเกินไปที่จะเริ่มต้น แต่ก็ไม่ง่ายจนเกินไปที่จะทำแบบขอไปที มิลบอนเชื่อว่าถ้าใครมีความมุ่งมั่น ตั้งใจจริง และมีความสุขที่ได้ทำ ก็ประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ได้แน่นอนค่ะ

 

keyboard_arrow_up